ในปัจจุบัน การทำงานถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเราทุกคน แต่หลายคนอาจไม่ทราบถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเองในฐานะลูกจ้าง ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกเอาเปรียบจากนายจ้างได้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกฎหมายแรงงานที่สำคัญ เพื่อให้คุณสามารถปกป้องสิทธิของตนเองและทำงานได้อย่างมีความสุข
กฎหมายแรงงาน คือ ชุดของกฎระเบียบและข้อบังคับที่กำหนดขึ้นเพื่อควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง รวมถึงกำหนดสิทธิและหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการจ้างงาน คุ้มครองสิทธิของลูกจ้าง และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
การทำงานในองค์กรใด ๆ ก็ตาม ลูกจ้างควรทราบถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของตนเอง เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบและสามารถเรียกร้องสิทธิได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสิทธิสำคัญที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้ มีดังนี้
การทำงานในวันปกติ
การทำงานล่วงเวลา
การทำงานในวันหยุด
วันหยุดประจำสัปดาห์
ลูกจ้างมีสิทธิได้รับวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่า 1 วันต่อสัปดาห์ โดยให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 6 วัน
วันหยุดตามประเพณี
ลูกจ้างมีสิทธิได้รับวันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี โดยได้รับค่าจ้าง ถ้าวันหยุด ตามประเพณี ตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ ให้หยุดชดเชยในวันทำงานถัดไป
วันหยุดพักผ่อนประจำปี
ลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับวันหยุดพักผ่อนประจำปีไม่น้อยกว่า 6 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้าง
การลาป่วย
การลากิจ
ลูกจ้างมีสิทธิลากิจได้ตามข้อบังคับการทำงานของแต่ละบริษัท โดยต้องได้รับอนุญาตจากนายจ้างก่อน
การลาคลอด
นอกจากสิทธิขั้นพื้นฐานแล้ว กฎหมายแรงงานยังครอบคลุมถึงเรื่องการจ้างงานในแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งทั้งนายจ้างและลูกจ้างควรทำความเข้าใจเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
รูปแบบของสัญญาจ้าง
สัญญาจ้างอาจทำเป็นหนังสือหรือด้วยวาจาก็ได้ แต่ควรทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันปัญหา โดยที่สัญญาจ้างต้องไม่มีข้อความที่เอาเปรียบลูกจ้างเกินสมควร
ข้อตกลงในการทำงาน
ควรระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ อัตราค่าจ้าง และสวัสดิการต่าง ๆ ให้ชัดเจน หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลง ต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปต้องจัดทำข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นภาษาไทย โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันทำงาน เวลาทำงาน วันหยุด การลา และระเบียบข้อบังคับ
ระยะเวลาทดลองงาน
การประเมินผลการทดลองงาน
การบรรจุเป็นพนักงาน
เมื่อผ่านการทดลองงาน ลูกจ้างจะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ โดยอายุงานจะเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน รวมระยะเวลาทดลองงานด้วย
การเลิกจ้างที่เป็นธรรม
นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้หากมีเหตุผลอันสมควร เช่น ลูกจ้างทุจริตต่อหน้าที่ หรือฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานอย่างร้ายแรง โดยต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าก่อนงวดจ่ายเงินเดือนครั้งที่จะถึง และให้การเลิกจ้างมีผลในวันจ่ายเงินเดือนถัดไป
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม หมายถึง การเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร ลูกจ้างสามารถร้องเรียนไปยังพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในเขตพื้นที่ที่สำนักงานของนายจ้างตั้งอยู่ และมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด
ค่าชดเชยกรณีเลิกจ้าง
ลูกจ้างที่ทำงานครบ 120 วันขึ้นไป มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด โดยอัตราค่าชดเชยขึ้นอยู่กับอายุงาน ดังนี้
การลาออก
ถ้าสัญญาจ้างไม่มีกำหนดระยะเวลา ลูกจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้าอย่างน้อย 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง ถ้าได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน แต่ถ้าเป็นสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน เช่น จ้าง 1 ปี เมื่อครบกำหนดสัญญาก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้า
กฎหมายแรงงานเป็นเครื่องมือสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของทั้งลูกจ้างและนายจ้าง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายแรงงานจะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมในการทำงานและลดปัญหาข้อพิพาทแรงงานที่อาจเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม กฎหมายแรงงานมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น ทั้งนายจ้างและลูกจ้างควรติดตามข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรม
สุดท้ายนี้ การทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ เก้าอี้สำนักงาน ที่ออกแบบตามหลักการยศาสตร์จะช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณได้อย่างมาก ดังนั้น นายจ้างควรจัดหาอุปกรณ์สำนักงานที่เหมาะสมให้กับพนักงาน เพื่อสุขภาพที่ดีและประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว