กฎหมายแรงงานมีอะไรบ้าง สรุปมาให้ครบที่นี่

September 23, 2024

ใช้เวลาอ่าน 4 นาที

กฎหมายแรงงานมีอะไรบ้าง สรุปมาให้ครบที่นี่

โพสใน

ในปัจจุบัน การทำงานถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเราทุกคน แต่หลายคนอาจไม่ทราบถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเองในฐานะลูกจ้าง ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกเอาเปรียบจากนายจ้างได้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกฎหมายแรงงานที่สำคัญ เพื่อให้คุณสามารถปกป้องสิทธิของตนเองและทำงานได้อย่างมีความสุข

กฎหมายแรงงานคืออะไร

กฎหมายแรงงาน คือ ชุดของกฎระเบียบและข้อบังคับที่กำหนดขึ้นเพื่อควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง รวมถึงกำหนดสิทธิและหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการจ้างงาน คุ้มครองสิทธิของลูกจ้าง และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

สิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายแรงงานที่ควรรู้

การทำงานในองค์กรใด ๆ ก็ตาม ลูกจ้างควรทราบถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของตนเอง เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบและสามารถเรียกร้องสิทธิได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสิทธิสำคัญที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้ มีดังนี้

สิทธิเกี่ยวกับค่าจ้างและเวลาทำงาน

สิทธิเกี่ยวกับค่าจ้างและเวลาทำงาน

การทำงานในวันปกติ

  • ชั่วโมงการทำงานปกติต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
  • ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด

การทำงานล่วงเวลา

  • หากทำงานเกินเวลาปกติในวันทำงาน ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมง
  • การทำงานล่วงเวลาต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง ยกเว้นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน

การทำงานในวันหยุด

  • หากต้องทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี หรือวันหยุดพักผ่อนประจำปี นายจ้างจะต้องทำการจ่ายค่าทำงานในวันหยุดเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าของค่าจ้าง ในวันทำงานตามชั่วโมงที่ทำงานในวันหยุด
  • หากทำงานล่วงเวลาในวันหยุด จะได้รับค่าล่วงเวลาในวันหยุดไม่น้อยกว่า 3 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมง

สิทธิในวันหยุดและวันลา

สิทธิในวันหยุดและวันลา

วันหยุดประจำสัปดาห์

ลูกจ้างมีสิทธิได้รับวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่า 1 วันต่อสัปดาห์ โดยให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 6 วัน

วันหยุดตามประเพณี

ลูกจ้างมีสิทธิได้รับวันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี โดยได้รับค่าจ้าง ถ้าวันหยุด ตามประเพณี ตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ ให้หยุดชดเชยในวันทำงานถัดไป

วันหยุดพักผ่อนประจำปี

ลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับวันหยุดพักผ่อนประจำปีไม่น้อยกว่า 6 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้าง

การลาป่วย

  • ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง และได้รับค่าจ้างไม่เกิน 30 วันทำงานต่อปี ซึ่งการลาป่วยตั้งแต่วันที่ 31 เป็นต้นไปลูกจ้างจะไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้าง
  • กรณีลาป่วยตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป นายจ้างอาจขอใบรับรองแพทย์ได้

การลากิจ

ลูกจ้างมีสิทธิลากิจได้ตามข้อบังคับการทำงานของแต่ละบริษัท โดยต้องได้รับอนุญาตจากนายจ้างก่อน

การลาคลอด

  • ลูกจ้างหญิงมีสิทธิลาคลอดได้ไม่เกิน 98 วัน โดยได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่า 45 วัน โดยวันลาจะนับรวมตั้งแต่วันฝากครรภ์​ วันตรวจครรภ์ วันคลอด และจะนับรวมวันหยุดอื่น ๆ ที่มีในระหว่างวันลาด้วย
  • สามารถลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดได้โดยไม่ถือเป็นวันลาป่วย

กฎหมายแรงงานเกี่ยวกับการจ้างงาน

นอกจากสิทธิขั้นพื้นฐานแล้ว กฎหมายแรงงานยังครอบคลุมถึงเรื่องการจ้างงานในแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งทั้งนายจ้างและลูกจ้างควรทำความเข้าใจเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

สัญญาจ้างและข้อตกลงในการทำงาน

ญญาจ้างและข้อตกลงในการทำงาน

รูปแบบของสัญญาจ้าง

สัญญาจ้างอาจทำเป็นหนังสือหรือด้วยวาจาก็ได้ แต่ควรทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันปัญหา โดยที่สัญญาจ้างต้องไม่มีข้อความที่เอาเปรียบลูกจ้างเกินสมควร

ข้อตกลงในการทำงาน

ควรระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งงาน หน้าที่ความรับผิดชอบ อัตราค่าจ้าง และสวัสดิการต่าง ๆ ให้ชัดเจน หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลง ต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย

ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน

นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปต้องจัดทำข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นภาษาไทย โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันทำงาน เวลาทำงาน วันหยุด การลา และระเบียบข้อบังคับ

การทดลองงานและการบรรจุเป็นพนักงาน

การทดลองงานและการบรรจุเป็นพนักงาน

ระยะเวลาทดลองงาน

  • กฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลาทดลองงานไว้ แต่โดยทั่วไปไม่ควรเกิน 120 วัน ระยะเวลาที่เหมาะสมและเป็นที่นิยมกันคือ 90 วัน
  • ในช่วงทดลองงาน ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
  • หากพนักงานถูกเลิกจ้างหลังจากทำงานมาได้ครบ 120 วันแล้ว บริษัทจะต้องจ่ายค่าชดเชยอย่างต่ำ 1 เดือน

การประเมินผลการทดลองงาน

  • ควรมีการกำหนดเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจนและแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้า
  • ผลการประเมินควรแจ้งให้ลูกจ้างทราบเป็นลายลักษณ์อักษร

การบรรจุเป็นพนักงาน

เมื่อผ่านการทดลองงาน ลูกจ้างจะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ โดยอายุงานจะเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน รวมระยะเวลาทดลองงานด้วย

การเลิกจ้างและค่าชดเชย

การเลิกจ้างและค่าชดเชย

การเลิกจ้างที่เป็นธรรม

นายจ้างสามารถเลิกจ้างได้หากมีเหตุผลอันสมควร เช่น ลูกจ้างทุจริตต่อหน้าที่ หรือฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานอย่างร้ายแรง โดยต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าก่อนงวดจ่ายเงินเดือนครั้งที่จะถึง และให้การเลิกจ้างมีผลในวันจ่ายเงินเดือนถัดไป

การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม หมายถึง การเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร ลูกจ้างสามารถร้องเรียนไปยังพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในเขตพื้นที่ที่สำนักงานของนายจ้างตั้งอยู่ และมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด

ค่าชดเชยกรณีเลิกจ้าง

ลูกจ้างที่ทำงานครบ 120 วันขึ้นไป มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด โดยอัตราค่าชดเชยขึ้นอยู่กับอายุงาน ดังนี้

  • ทำงาน 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้รับค่าชดเชย 30 วัน
  • ทำงาน 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี ได้รับค่าชดเชย 90 วัน
  • ทำงาน 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี ได้รับค่าชดเชย 180 วัน
  • ทำงาน 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ได้รับค่าชดเชย 240 วัน
  • ทำงาน 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี ได้รับค่าชดเชย 300 วัน
  • ทำงาน 20 ปีขึ้นไป ได้รับค่าชดเชย 400 วัน

การลาออก

ถ้าสัญญาจ้างไม่มีกำหนดระยะเวลา ลูกจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้าอย่างน้อย 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง ถ้าได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน ต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน แต่ถ้าเป็นสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน เช่น จ้าง 1 ปี เมื่อครบกำหนดสัญญาก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้า

สรุปบทความ

กฎหมายแรงงานเป็นเครื่องมือสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของทั้งลูกจ้างและนายจ้าง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายแรงงานจะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมในการทำงานและลดปัญหาข้อพิพาทแรงงานที่อาจเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม กฎหมายแรงงานมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น ทั้งนายจ้างและลูกจ้างควรติดตามข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรม

สุดท้ายนี้ การทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ เก้าอี้สำนักงาน ที่ออกแบบตามหลักการยศาสตร์จะช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณได้อย่างมาก ดังนั้น นายจ้างควรจัดหาอุปกรณ์สำนักงานที่เหมาะสมให้กับพนักงาน เพื่อสุขภาพที่ดีและประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว

Latest posts

SEE ALL