แสงสว่างส่งผลต่อประสิทธิภาพของการทำงานมากๆ ผลการศึกษาพบว่าแสงสว่างในการทำงานที่เพียงพอ เปรียบเสมือนตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานลดข้อผิดพลาดได้สูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์กันเลยทีเดียว ดังนั้นอีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับสถานที่ทำงานที่ไม่ควรละเลยก็คือ แสงสว่างภายในสถานที่ทำงาน เพราะนอกจากแสงสว่างสามารถทำให้มองเห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพตาในระยะยาวอีกด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามาตามอ่านเรื่องราวของแสงสว่างในที่ทำงานผ่านบทความนี้กัน
สำหรับการมีแสงสว่างของพื้นที่การทำงานที่เหมาะสม จะประกอบไปด้วยกัน 2 แบบด้วยกันก็คือแสงจากการประดิษฐ์และแสงจากธรรมชาติดังนี้
แสงประดิษฐ์มีความสำคัญมากๆ สำหรับสถานที่ทำงานที่มีแสงสว่างจากธรรมชาติไม่เพียงพอ จึงต้องมีสิ่งประดิษฐ์เข้ามาเป็นตัวช่วย อาทิ หลอดไฟ LED และหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ สามารถทดแทนแสงธรรมชาติได้อย่างยอดเยี่ยม ควบคุมความสว่างของระดับสีรวมถึงตำแหน่งที่ต้องการจัดวางได้ ระดับความสว่างที่มองเห็นได้ชัดและสบายตาควรอยู่ที่ประมาณ 400-600 ลักซ์ ซึ่งแสงลักษณะนี้จะเหมาะกับการทำงานที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก เพราะสามารถให้แสงสว่างได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
สถานที่ทำงานที่มีแสงสว่างจากธรรมชาติ (Natural Lighting) สาดส่องเข้ามาอย่างเพียงพอและทั่วถึงถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ไม่จำเป็นต้องพึ่งแสงจากประดิษฐ์ เพราะแสงจากธรรมชาติส่งผลดีต่อสายตาของมนุษย์มากที่สุด แถมส่งผลดีต่อร่างกายอีกด้วยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 80% ให้พนักงานมีความสุข รู้สึกกระฉับกระเฉง ไม่ง่วง หนาว หาวนอน และสามารถทำงานได้อย่างไหลลื่น
ยิ่งเปิดรับแสงธรรมชาติได้ยิ่งดี ก็จะเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมกว่าการอยู่ภายใต้แสงประดิษฐ์ ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้แก่พนักงานและสามารถทำให้ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีขึ้น
สำหรับการเปิดรับแสงธรรมชาติส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจเพราะแสงธรรมชาติจะเป็นตัวช่วยทำให้ร่างกายผลิต serotonin หรือฮอร์โมนแห่งความสุข นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าหรือที่เรียกว่า SAD ได้อีกด้วย หรือว่าง่ายๆ แสงธรรมชาติก็ทำให้จิตใจรู้สึกสบายได้ด้วยเช่นกัน
ข้อดีของแสงธรรมชาติที่ดีกว่าแสงประดิษฐ์เลยก็คือ ช่วยลดการใช้พลังงานและสามารถทำให้ประหยัดต้นทุนของการชำระค่าไฟอีกด้วย
สำหรับการออกแบบออฟฟิศที่มีแสงสว่างในการทำงานที่เพียงพอจัดแสงในมุมทำงาน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ห้องประชุม หรือ Private Office ทุกห้องต้องคำนวณพื้นที่กระจายแสงส่องสว่างได้อย่างทั่วถึง เพียงพอต่อการทำงาน ยิ่งเป็นแสงสว่างที่ได้รับจากแสงธรรมชาติก็ยิ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของดวงตาได้อย่างเต็มรูปแบบ มองเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจน กล้ามเนื้อตาไม่ล้าจากการเพ่งเป็นระยะเวลานานๆ ช่วยลดอาการปวดหัวอาการไมเกรนได้ถึง 80% แถมช่วยลดข้อผิดพลาดของการทำงานได้อีกด้วย นอกจากนี้ยิ่งมีพื้นที่ส่วนกลางที่ปลอดโปร่ง ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสุดสบายตา หรือการใช้แสงแบบ Daylight และแสงโทนขาวเป็นหลัก
แสงสว่างในการทำงานที่เหมาะสมช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ควรเน้นออกแบบออฟฟิศที่จัดเต็มไปด้วยพื้นที่ให้ได้รับแสงจากธรรมชาติได้มากที่สุด หรือเน้นการออกแบบด้วยการใช้โทนสีขาว การใช้เก้าอี้สำนักงานที่ดี เพื่อช่วยทำให้การทำงานของพนักงานดูกระฉับกระเฉง มี energy และมีพลังบวก เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานได้มากยิ่งขึ้น