Productivity คืออะไร? เรื่องสำคัญที่องค์กรไม่ควรมองข้าม

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลายองค์กรต่างมองหาวิธีที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ในการดำเนินงาน คำว่า Productivity จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับต้องให้ความสนใจ แต่ Productivity คืออะไรกันแน่? และทำไมมันถึงสำคัญนักต่อความสำเร็จขององค์กร? บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับความหมาย ความสำคัญ และวิธีการเพิ่ม Productivity ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

Productivity คืออะไร?

ผลิตภาพ หรือ Productivity คือความสามารถในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเวลา แรงงาน หรือวัตถุดิบ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณค่าสูงสุด โดยคำนึงถึงทั้งปริมาณและคุณภาพ 

ในบริบทขององค์กร Productivity ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การผลิตสินค้าให้ได้จำนวนมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรในระยะยาว

ทำไม Productivity ถึงสำคัญต่อองค์กร?

เมื่อองค์กรมี Productivity สูง นั่นหมายถึง สามารถผลิตงานให้ได้ผลลัพธ์คุ้มค่า และเมื่อบริษัทสามารถผลิตงานและส่งมอบงานให้กับลูกค้าได้เร็วขึ้น จะนำไปสู่การลดต้นทุน เพิ่มผลกำไร  และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน 

นอกจากนี้ Productivity ยังช่วยยกระดับคุณภาพของสินค้าและบริการ ให้ตรงตามมาตรฐานหรือความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากขึ้น

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Productivity

4 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อ Productivity คือ 

• ทักษะและความสามารถของบุคลากร พนักงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และทักษะที่เหมาะสมกับงาน จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• กระบวนการทำงาน การออกแบบและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความซ้ำซ้อน และกำจัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ทำให้งานสำเร็จเร็วขึ้น
• วัฒนธรรมองค์กร การสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นให้พนักงานมุ่งมั่นที่จะเพิ่ม Productivity
• สภาพแวดล้อมในการทำงาน พื้นที่ทำงานที่ออกแบบอย่างเหมาะสม มีอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่มีคุณภาพ จะช่วยส่งเสริมสุขภาพและความสุขของพนักงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ Productivity

กลยุทธ์การเพิ่ม Productivity ในองค์กร

การเพิ่ม Productivity ไม่ใช่แค่การทำงานหนักขึ้นเท่านั้น แต่เป็นการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ 5 กลยุทธ์ต่อไปนี้

1. การปรับปรุงกระบวนการทำงาน

การวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างสม่ำเสมอเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเพิ่ม Productivity องค์กรควรส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการแจ้งปัญหาที่เจอในกระบวนการทำงาน และเสนอแนวทางแก้ไข รวมถึงนำเทคนิคต่าง ๆ เช่น Lean Management หรือ Six Sigma มาประยุกต์ใช้ สามารถช่วยลดความสูญเปล่า ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างเป็นระบบ 

2. การนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ

ในยุคดิจิทัล การนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เป็น สามารถเพิ่ม Productivity ได้อย่างมหาศาล องค์กรควรพิจารณาการนำระบบอัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือซอฟต์แวร์ที่สามารถทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ เช่น cloud-based platforms มาใช้ เพื่อให้ทีมทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้อยู่ต่างสถานที่ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้เทคโนโลยีควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับลักษณะงานและวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3. การพัฒนาทักษะและศักยภาพของบุคลากร

องค์กรควรลงทุนในการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้าน Hard Skills และ Soft Skills การสร้างวัฒนธรรมการแบ่งปันความรู้ภายในองค์กร จะช่วยให้พนักงานสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงและนำความรู้ใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ดีขึ้น

4. ให้รางวัลตอบแทน

ข้อนี้ไม่ควรมองข้าม การให้รางวัลและผลตอบแทนที่เหมาะสมเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้พนักงานเพิ่ม Productivity เช่น ให้โบนัสตามผลงาน การเลื่อนตำแหน่ง หรือสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ นอกจากรางวัลที่เป็นตัวเงิน หรือเปิดโอกาสพนักงานได้นำเสนอผลงานต่อผู้บริหารระดับสูง สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานมุ่งมั่นที่จะเพิ่ม Productivity ในการทำงานมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ระบบการให้รางวัลควรมีความโปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่พอใจหรือการแข่งขันที่ไม่สร้างสรรค์ภายในองค์กร

5. ปรับสภาพแวดล้อมการทำงาน

สภาพแวดล้อมในการทำงานมีผลโดยตรงต่อ Productivity ของพนักงาน การออกแบบพื้นที่ทำงานที่เอื้อต่อการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มจากการเลือกโต๊ะทำงานและเก้าอี้ทำงานที่มีคุณภาพ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยและส่งเสริมสุขภาพที่ดีของพนักงาน 

นอกจากนี้ การจัดพื้นที่ทำงานให้มีแสงสว่างเพียงพอ อากาศถ่ายเทสะดวก และมีพื้นที่สีเขียว จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ การมีพื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกัน (Collaborative Spaces) และพื้นที่พักผ่อนสั้น ๆ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเพิ่ม Productivity ได้

เลือกเก้าอี้ทำงานคุณภาพดี เสริม Productivity ในองค์กร

การเลือกเก้าอี้ทำงานที่มีคุณภาพเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับองค์กรที่ต้องการปรับสภาพแวดล้อมการทำงาน เพื่อเพิ่ม Productivity ในองค์กร Siam Okamura ขอแนะนำเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่ออกแบบโดยคำนึงถึงหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในสำนักงานยุคใหม่ ช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการเพิ่ม Productivity อย่างยั่งยืน

“เก้าอี้ผู้บริหาร รุ่นคอนเทสซา ผสานความแข็งแรงทนทานเข้ากับความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว ด้วยการออกแบบที่รองรับทุกสรีระอย่างสมบูรณ์แบบ คอนเทสซาเหมาะอย่างยิ่งสำหรับห้องประชุม ห้องผู้บริหาร หรือทุกพื้นที่ในสำนักงาน”

“เปิดมิติใหม่แห่งความสบายกับ เก้าอี้ทำงาน รุ่นซิลฟี่ ที่ปรับส่วนโค้งด้านหลังได้ตามสรีระ พร้อมเบาะรองนั่งหนาแน่น ให้สัมผัสนุ่มนวล ลดแรงกดที่ต้นขา รองรับสะโพกมั่นคง ส่งเสริมท่านั่งที่ถูกต้อง เพื่อสุขภาพหลังที่ดีขึ้นตลอดวันทำงานของคุณ”

“เก้าอี้ทำงาน รุ่นริน เก้าอี้ตาข่ายที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ รองรับบั้นเอวพอดี ปรับความสูงได้ ช่วยรักษาท่าทางที่เหมาะสม ลดความเมื่อยล้า มอบประสบการณ์การนั่งที่สบายขั้นสุด”

“เก้าอี้ทำงาน รุ่นซาบริน่า รองรับทุกท่วงท่าของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเอนหลัง ยืดตัว หรือเอื้อมแขน เก้าอี้ก็โค้งงอตามทุกการเคลื่อนไหวอย่างลงตัว ยกระดับความสะดวกสบายสู่ขีดสุด เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่า”

“เก้าอี้ทำงาน รุ่นคอรัล เก้าที่เข้ากับสรีระหลากหลายรูปแบบ มาพร้อมพนักพิงที่กระจายน้ำหนักอย่างสมดุล ช่วยลดแรงกดที่ต้นขา มอบประสบการณ์การนั่งที่สบาย ส่งเสริมสุขภาพดีระยะยาว”

สรุปบทความ

Productivity คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จในองค์กรยุคใหม่ ซึ่งการเพิ่ม Productivity ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในองค์กร ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงไปจนถึงพนักงานทุกระดับ การสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของ Productivity และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาจะช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับองค์กรที่อยากปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานด้วยเก้าอี้คุณภาพดี ที่ Siam Okamura เรามีเก้าอี้ทำงานและโต๊ะทำงานหลากหลายฟังก์ชัน หลากหลายสไตล์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณอย่างแน่นอน