September 3, 2023
ใช้เวลาอ่าน 5 นาที
การตกแต่งออฟฟิศดีไซน์โดยคำนึงถึงการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Wellbeing) เป็นหลัก จะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างสบายใจ และมีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้นได้
สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านใดที่ยังไม่รู้ว่าจะตกแต่ง หรือดีไซน์ออฟฟิศอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจของพนักงาน ในบทความนี้ Siam Okamura จะพาคุณไปดูว่าออฟฟิศดีไซน์คืออะไร อุปกรณ์สำนักงานอันไหนบ้างที่สำคัญต่อออฟฟิศดีไซน์ พร้อมแนะนำ 5 วิธีแต่งออฟฟิศให้ดีต่อสุขภาพกายและใจ ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องลงทุนมาก เพื่อไว้ใช้เป็นไอเดียในการแต่งออฟฟิศ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ออฟฟิศดีไซน์ (Office Design) เป็นศาสตร์และศิลป์ในการออกแบบพื้นที่ทำงานให้ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพและความสุขของพนักงาน ไม่เพียงแค่สร้างความสวยงาม แต่ยังต้องคำนึงถึงการใช้งานจริงและวัฒนธรรมองค์กร การออกแบบที่ดีจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มผลผลิต และสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการออกแบบออฟฟิศ
การเลือกเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงานเป็นหัวใจสำคัญของออฟฟิศดีไซน์ที่ดี นอกจากความสวยงามแล้ว ยังต้องคำนึงถึงการใช้งานจริงและความสะดวกสบายของพนักงาน ก่อนเลือกซื้อ ควรพิจารณาประเภทของงานในออฟฟิศ ขนาดและลักษณะของพื้นที่ รวมถึงงบประมาณที่มี การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมสุขภาพที่ดีของพนักงาน และสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร
ตัวอย่างอุปกรณ์สำนักงานที่สำคัญต่อออฟฟิศดีไซน์
โต๊ะทำงานแบบปรับระดับได้ เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ ด้วยความสามารถในการปรับความสูงได้ตามต้องการ ทำให้ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างการนั่งและยืนทำงานได้อย่างสะดวก ช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งนานๆ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงและสมาธิในการทำงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมดีขึ้นด้วย โดยที่ Siam Okamura เรามีทั้งโต๊ะปรับระดับได้รูปทรงปกติ และรู้ทรงโต๊ะตัวแอลให้คุณได้เลือกสรร
เก้าอี้ Ergonomics หรือเก้าอี้เออร์โกโนมิค เป็นเก้าอี้ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อรองรับสรีระของผู้นั่งได้อย่างเหมาะสม มีคุณสมบัติสำคัญคือสามารถปรับระดับความสูง ความลึกของที่นั่ง และตำแหน่งพนักพิงได้ บางรุ่นยังมีที่พักแขนปรับระดับได้ด้วย ช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ป้องกันปัญหาสุขภาพจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน เช่น อาการปวดหลัง ปวดคอ ทำให้พนักงานรู้สึกสบายและมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น การเลือกใช้เก้าอี้สำนักงานที่ออกแบบตามหลักเออร์โกโนมิคจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนไม่ควรมองข้าม
พาร์ทิชั่น คือ ฉากกั้นสำหรับแบ่งพื้นที่ในออฟฟิศ มีหลากหลายรูปแบบตั้งแต่แบบเคลื่อนย้ายได้ไปจนถึงแบบติดตั้งถาวร ช่วยสร้างพื้นที่ส่วนตัวในออฟฟิศแบบเปิด ลดเสียงรบกวน และสร้างสมาธิในการทำงาน นอกจากนี้ยังช่วยจัดระเบียบพื้นที่ทำงาน แบ่งโซนการใช้งานได้อย่างชัดเจน และสามารถใช้เป็นพื้นที่ติดประกาศหรือจัดเก็บเอกสารได้ด้วย ทำให้ออฟฟิศดูเป็นระเบียบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ห้องโทรศัพท์ เป็นพื้นที่ขนาดเล็กที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการโทรศัพท์หรือประชุมออนไลน์ มักมีการติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงเพื่อป้องกันเสียงรบกวน ช่วยให้พนักงานสามารถสื่อสารได้อย่างเป็นส่วนตัวและมีประสิทธิภาพ โดยไม่รบกวนเพื่อนร่วมงานในพื้นที่เปิด เหมาะสำหรับออฟฟิศที่มีการติดต่อกับลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ทางโทรศัพท์บ่อยๆ ช่วยสร้างความเป็นมืออาชีพและเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร
โต๊ะประชุมเป็นศูนย์กลางสำคัญของการระดมความคิดและการทำงานร่วมกัน มีหลากหลายรูปแบบและขนาดให้เลือกตามความเหมาะสมของพื้นที่และจำนวนผู้ใช้งาน โต๊ะประชุมที่ดีควรมีพื้นที่เพียงพอสำหรับอุปกรณ์การประชุม เช่น โน้ตบุ๊ก หรือเอกสาร และอาจมีช่องสำหรับเดินสายไฟหรือสายสัญญาณ ช่วยให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างบรรยากาศการทำงานเป็นทีมที่ดี
ตู้เก็บของ หรือชั้นวางของ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการจัดระเบียบออฟฟิศ ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูสะอาดและเป็นระเบียบ มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความต้องการใช้งาน เช่น ตู้เอกสาร ชั้นวางหนังสือ หรือลิ้นชักเก็บของส่วนตัว นอกจากประโยชน์ในการจัดเก็บแล้ว ยังสามารถใช้เป็นฉากกั้นพื้นที่หรือสร้างความเป็นส่วนตัวได้ด้วย การเลือกใช้ตู้หรือชั้นที่มีดีไซน์สวยงามยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับออฟฟิศอีกด้วย
การทำงานเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความเครียด ความกดดัน และความวิตกกังวล ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย จนนำไปสู่การเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) หรืออาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตใจ จนนำไปสู่การเป็นภาวะซึมเศร้า หรือภาวะเครียดเรื้อรังได้
การเลือกออฟฟิศดีไซน์ หรือตกแต่งออฟฟิศ ให้มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี เอื้ออำนวยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างสบายใจ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ เพราะสถานที่ทำงานเป็นหนึ่งในสถานที่ที่พนักงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยนานที่สุด อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน การที่พนักงานทำงานในสถานที่ที่ดีก็จะช่วยให้มีสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดีตามไปด้วยนั่นเอง
การตกแต่งออฟฟิศให้ดีต่อสุขภาพกายและใจ ไม่ใช่แค่ให้ความสำคัญกับเฟอร์นิเจอร์ในออฟฟิศเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น เสียงรบกวน แสงสว่างจากธรรมชาติ หรือคุณภาพอากาศในออฟฟิศด้วย เพราะองค์ประกอบเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างมาก
เพื่อให้คุณเข้าใจภาพรวมของออฟฟิศดีไซน์นี้มากขึ้น เราได้สรุป 5 วิธี แต่งออฟฟิศให้ดีต่อทั้งสุขภาพกายและใจมาให้แล้ว สามารถนำไปปรับใช้กับออฟฟิศของตัวเองได้เลย
ออฟฟิศส่วนใหญ่จะมีหน้าต่างน้อย และมักใช้ผ้าม่านหนา ๆ คอยบังแสงแดดอยู่เสมอ แล้วเลือกใช้แสงสว่างจากหลอดไฟเป็นหลัก โดยที่ไม่รู้เลยว่า การใช้แสงประดิษฐ์จากหลอดไฟมากเกินไปเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดตา ปวดหัว และตาพร่ามัวได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลง
นอกจากนี้การที่พนักงานในออฟฟิศสัมผัสกับแสงแดดตอนเช้า หรือตอนกลางวันน้อยเกินไป ยังส่งผลกระทบต่อวงจรการนอนหลับและการตื่นทางอ้อมด้วย โดยจะทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ในระยะยาว เช่น รู้สึกอ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ หงุดหงิดง่าย ความคิดสร้างสรรค์แย่ลง ภูมิคุ้มกันลดลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
ดังนั้นการเพิ่มหน้าต่างให้มีแสงแดดจากธรรมชาติส่องเข้ามาในออฟฟิศมากขึ้น จึงเป็นวิธีตกแต่งออฟฟิศง่าย ๆ ที่ช่วยให้พนักงานมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้นได้นั่นเอง
ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของประเทศอังกฤษ (National Health Service) หรือ NHS ได้กล่าวไว้ว่า การนั่งทำงานนาน ๆ มากเกินไป จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ช้าลง รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการควบคุมระดับน้ำตาล ความดันโลหิต และการสะสมของไขมันในร่างกาย
การออกแบบออฟฟิศดีไซน์ที่ส่งเสริมให้เกิดความเคลื่อนไหวจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้าม เพราะการที่พนักงานมีการขยับร่างกาย หรือเคลื่อนที่บ่อย ๆ จะทำให้มีความกระตือรือร้นมากขึ้น รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีสุขภาพกายและใจที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นตามไปด้วย
ยกตัวอย่างเช่น การตกแต่งออฟฟิศแบบเปิดโล่ง จัดมุมทำงานหลาย ๆ มุม และใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ในการทำงาน เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถยกโน้ตบุ๊กไปทำงานได้ทุกที่อย่างยืดหยุ่นและอิสระ ก็ช่วยให้มีความคล่องตัวมากขึ้นนั่นเอง
คุณภาพอากาศในอาคารเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจละเลยอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของพนักงานอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีหลายสิ่งมากที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ เช่น ฝุ่นจาก PM.25 มลภาวะจากเครื่องพิมพ์ เครื่องถ่ายเอกสาร ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด คราบสกปรกบนโต๊ะทำงาน หรือไรฝุ่นที่สะสมอยู่ในพรม เป็นต้น
เจ้าของธุรกิจสามารถปรับคุณภาพอากาศในออฟฟิศได้ง่าย ๆ โดยการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ และหมั่นทำความสะอาดออฟฟิศอยู่เสมอ โดยเฉพาะการกำจัดแบคทีเรียและไรฝุ่นที่สะสมอยู่ในพรม ก็จะช่วยให้คุณภาพอากาศในออฟฟิศดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งการที่ออฟฟิศมีอากาศปลอดโปร่ง หายใจได้โล่งสบาย ก็จะช่วยให้พนักงานรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภูมิแพ้ทางอากาศ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
การทำงานท่ามกลางธรรมชาติจะช่วยให้พนักงานรู้สึกมีชีวิตชีวา กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ สามารถปรับปรุงสุขภาพจิต และลดความเครียดได้ แต่การทำงานในออฟฟิศมากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน จะทำให้พนักงานรู้สึกขาดการเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ โดยการตกแต่งออฟฟิศด้วยวัสดุทางธรรมชาติมากขึ้น เช่น เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ หินอ่อน หรือหินแกรนิต ร่วมกับตกแต่งด้วยผลิตภัณฑ์จากชุมชนต่าง ๆ อย่าง รูปปั้น เครื่องสาน และเพิ่มไม้พุ่ม หรือพืชพรรณต่าง ๆ ทั่วบริเวณออฟฟิศ ก็จะช่วยเพิ่มให้พนักงานรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้การที่มีต้นไม้ในออฟฟิศจะช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในอากาศ ซึ่งจะช่วยลดความเหนื่อยล้าทางจิตใจให้กับพนักงาน ลดความเครียด และทำให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้นด้วย
มลภาวะทางเสียงสามารถส่งผลกระทบต่อสมาธิการทำงานอย่างมาก ทำให้รู้สึกขาดความเป็นส่วนตัว และทำให้การคิดวิเคราะห์งาน หรือทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นไปได้ยาก อีกทั้งการที่มีเสียงรบกวนจากสิ่งต่าง ๆ ตลอดเวลา เช่น เสียงโทรศัพท์ เสียงรถจราจร เสียงการทำงานของเครื่องพิมพ์ หรือเสียงจากเครื่องถ่ายเอกสาร ก็จะทำให้พนักงานรู้สึกรำคาญ และเกิดความเครียดสะสมได้ด้วย
การแก้ไขปัญหานี้ สามารถทำได้ด้วยการออกแบบออฟฟิศดีไซน์ให้หลากหลาย แบ่งโซนที่ใช้เสียง และงดใช้เสียงอย่างชัดเจน เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถเลือกสถานที่ทำงานที่เหมาะกับงานที่ทำในขณะนั้น หรือเลือกใช้โต๊ะทำงานที่มีพาร์ทิชันกั้นเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัว ก็ช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากเสียงรบกวนในที่ทำงานได้
การตกแต่งออฟฟิศดีไซน์ที่คำนึงถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานเป็นหลัก จะช่วยให้การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีในองค์กรทำได้ง่ายมากขึ้น และเป็นการส่งเสริมให้พนักงานรู้สึกสบายใจที่จะมาทำงาน และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย 5 วิธีแต่งออฟฟิศให้ดีต่อสุขภาพกายและใจที่ Siam Okamura นำมาแนะนำในบทความนี้ เป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมาก ไม่ต้องลงทุนเยอะ แต่ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ เจ้าของธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้กับออฟฟิศของตัวเองได้เลย รับรองว่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน